ทักทายกันหน่อย...
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Network Basic(2)-การติดตั้ง Network Card
หลังจากที่คุณทำการตัดสินใจได้แล้วว่าจะเชื่อมต่อแบบไหน ก็ถึงคราวที่คุณต้องทำการติดตั้งอุปกรณ์ลงไปที่คอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้สามารถเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายได้ ซึ่งการติดตั้งนั้นต้องติดตั้งกับทุกๆเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนเครือข่าย
ในการเชื่อมต่อการ์ดแลนบนคอมพิวเตอร์นั้นไม่จำเป็นว่าจะต้อนใช้การ์ดแลน ชนิดเดียวกันเสมอไป บางเครื่องอาจจะใช้ การ์ดแลน บางเครื่องอาจจะใช้แบบ USB เพื่อที่จะให้คุณเข้าใจในสิ่งนี้ คุณจะต้องแยกให้ออกว่า ความแตกต่างระหว่าง รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย และชนิดของอุปกรณ์การเชื่อมต่อเครือข่าย
- รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย(Network Connection Type) คือ รูปแบบของสายที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่าย เช่น Ethernet, สายโทรศัพท์, wireless และอื่นๆ
- อุปกรณ์เครือข่าย เป็นทางให้ NICs เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ เช่น USB, PC card
ก่อนเริ่มลงมือ
ถ้าคุณต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และติดตั้ง NIC คุณต้องแน่ใจมีอุปกรณ์ที่ถูกต้องสำหรับการประกอบ แต่โชคดีสำหรับคุณ ที่อุปกรณ์พวกนี้ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ไฮเทคอะไรเลย สิ่งที่คุณต้องมีคือ
- โต๊ะทำงาน
- ไขขวง ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
- คึมปากจิ้งจก (เพื่อไว้สำหรับเก็บน๊อตที่ตกลงไปในคอมพิวเตอร์)
คุณเกือบจะพร้อมแล้วสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ สำหรับเน็ตเวิร์คภายในบ้านของคุณ แต่ก่อนที่คุณจะเปิดคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้แน่ใจว่าคุณได้ถอกปลั๊กไฟออกหมดแล้ว
Network Basic(1)-การวางแผนระบบ LAN
- Hardware ที่อณุญาติให้คอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกันได้
- สาย Cable หรือ เทคโนโลยี Wireless ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์
- Software หรือ ที่เรียกว่า Driver ที่สั่งให้ Hardware ทำงาน
ในความเป็นจริง ใครที่รู้จักวิธีเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และใช้ Keyboard+Mouse เป็นก็สามารถที่จะสร้างระบบเครือข่ายอย่างง่ายๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้นจนคุณแปลกใจ มีหลายคนที่ติดตั้งระบบเครือข่ายภายในบ้าน (Home Network) ของตัวเอง ซึ่งคุณจะพบว่ามันง่ายและเป็นที่น่าพอใจมาก และบางครั้งที่พวกเค้าได้ให้ความช่วยเหลือกับข้างบ้าน, เพื่อน, หรือคนรู้จักต่างๆ บางคนอาจจะมีชื่อเสียงในเขตใกล้เคียงและโชคดีอาจจะได้เป็นที่ปรึกษา part-time สำหรับครอบครัวอื่นๆ ที่ต้องการระบบเครือข่ายภายในบ้าน (Home Network)
ผมต้องการ Home Network ไปทำไม
ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่มีคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่องในบ้านน่าจะมีระบบเครือข่ายอย่างแน่นอน ซึ่งความเชื่อนั้นอยู่บนพื้นฐานความจริงที่ว่า ผมเป็นคนขี้เกียจ และ ขี้เหนียว และผมก็เชื่อว่าทุกๆ คนน่าจะทำทุกๆสิ่งทุกอย่างให้ง่ายที่สุดและใช้วิธีที่ถูกที่สุด และสิ่งที่ผมจะบอกต่อไปนี้ก็เป็นข้อดีบางอย่างของระบบเครือข่ายภายในบ้าน
- คุณสามารถทำงานได้จากทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในห้องนอนถ้าคุณต้องการ ลองคิดดูว่าคุณมีงานสำคัญที่จะนำเสนอหัวหน้าคุณ และมันก็มีกำหนดส่งพรุ่งนี้เช้า แต่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ตอนเช้า และคุณก็กำลังดื่มกาแฟถ้วยที่สองในห้องนอนของคุณ มันดูน่าสบายมากถ้าใช้ laptop ในห้องนอนของคุณ ในการทำงานเสนอเจ้านายให้เสร็จ ต่อจากนั้นคุณก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานนี้ระหว่างที่คุณกำลังนั่งทำงานที่ชั้นล่างคุณได้บันทึกเอกสารบางอย่างไว้ในเครื่องข้างล่าง คุณคงไม่ต้องการออกมาจากที่นอนที่อุ่นเพื่อที่จะไปข้างล่างเพื่อหาเอกสารที่คุณบันทึกไว้อีกเครื่องหนึ่ง คุณสามารถที่จะเปิดเอกสารที่คุณบันทึกไว้จาก Laptop ในห้องนอนของคุณ ถ้าคุณมีระบบเครือข่าย
- ลูกๆ ของคุณจะไม่ทะเลาะกันบ่อย คุณลองนึกดูถ้าลูกของคุณคนหนึ่งกำลังทำการบ้านของเค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดใช้คอมพิวเตอร์ และลูกอีกคนหนึ่งก็มีงานที่บันทึกไว้ในเครื่องนั้นและต้องการเอางานมาทำอีกเครื่องหนึ่ง ถ้าคุณมีระบบเครือข่ายคุณสามารถดึงข้อมูลจากอีกเครื่องได้เลย โดยไม่จำเป็นต้อง save งานใส่ disk จากเครื่องหนึ่งมาอีกเครื่องหนึ่ง
- คุณสามารถที่จะบังคับคอมพิวเตอร์สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เพราะว่าคุณสามรถที่จะตั้งค่าเครืองข่ายของคุณเพื่อที่ว่าทุกๆคนภายในบ้านสามารถที่จะเชือมต่ออินเทอร์เน็ตได้หลายๆ เครื่องในเวลาเดียวกัน
- คุณสามารถกลายมาเป็นเทพเจ้าได้ (หรือ เทพธิดา) ประโยชน์อื่นๆ ของการตั้งค่าระบบเครือข่าย คือเมื่อคุณติดตั้งระบบเครือข่าย คุณจะกลายเป็นผู้ดูแลระบบเครือข่าย (Network Administrator) ถึงแม้ว่าคุณอาจจะได้รับหน้าที่ในการกำหนด user name และ password ซึงคุณก็จะมีหน้าที่กำหนดว่าใครสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น นาย ก สามารถไฟล์ของนาย ข ได้หรือ นาย ข สามารถเห็นไฟล์ของนาย ก ได้ ความรู้ทั้งหมดนี้ ทำให้คุณกลายเป็นบุคคลที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์
ระบบปฏิบัติการเครือข่าย (Network Operating Systems)
คุณไม่ต้องเริ่มการสร้างเครือข่ายของคุณกับคอมพิวเตอร์ที่พร้อมทั้ง Hardware และ Software สำหรับเครือข่าย เพราะคุณสามารถจะติดตั้งได้ง่ายด้วยความสามารถของคุณเอง อย่างไรก็ตาม คุณต้องมีคอมพิวเตอร์ ที่มีระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว
คุณสามารถใช้ Window เวอร์ชั่นใด ๆก็ได้ต่อไปนี้สำหรับสร้างระบบเครือข่าย
- Windows Vista
- Windows XP
- Windows 2000
- Wendows NT
- Windows 98SE (Second Edition)
- Windows 98
- Windows 95
คุณสามารถที่จะ config เครือข่ายให้ทำการอะไรก็ได้ซึ่งมีหลายโหมดให้คุณเลือก การเซตค่าเครือข่ายบางอย่างสามารถที่จะควบคุมคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานได้ คุณสามารถเลือกรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณในปัจจุบันและง่ายต่อการเปลี่ยนระบบไปสู่รูปแบบอื่นได้
- Client/Server networks
รูปแบบเครือข่ายที่ทำงานในแบบ client/server ถูกรวมอยู่ในธุรกิจ รูปแบบเหล่านี้รวมถึงเครื่อง Server ที่ควบคุมผู้ใช้, file และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด (clients หรือ workstations)
เหตุผลหนึ่งที่สำคัญมากในการติดตั้งแบบ client/server คือการกำหนดสิทธิของผู้ใช้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัย ซึ่งเครื่อง Server สามารถที่จะกำหนดให้นาย ก สามารถที่จะเข้าไปอ่าน file ได้แต่ไม่สามารถที่จะทำการลบได้ แต่ข่าวดีนั้นคือถ้าคุณเป็นคนติดตั้งระบบเครือข่าย คุณสามารถควบคุมได้ทุกสิ่ง (อิ อิ)
เครื่องลูกข่ายทั้งหมดถูกเชื่อมต่อเข้ากับเครื่อง Server ทุกๆคนซึ่งทำงานที่เครื่องลูกข่ายสามารถใช้ file และ อุปกรณ์ต่อพ่วง ที่อยู่บนเครื่องของพิวเตอร์ของตัวเองหรืออยู่บน Server ดูตามรูปข้างล่าง จะเห็นการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ในรูปแบบ client/server

รูป 1-1 client/server network
ถึงแม้ว่า เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดถูกเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน เครื่องลูกข่ายแต่ละเครื่องปกติแล้วจะสือสารกับเครื่อง server อย่างไรก็ตามคุณสามารถกำหนดได้ว่าให้เครื่องลูกข่ายสามารถเข้าถึงเครื่องลูกข่ายเครื่องอื่นๆ บนเครือข่ายได้
ระบบ client/server ที่ใหญ่ (ปกติจะเห็นอยู่ตาม บริษัทหรือโรงงาน) จะมีเครื่อง server อยู่หลายเครื่อง และเครื่อง server แต่ละเครื่องก็จะมีหน้าที่เฉพาะของแต่ละเครื่อง ยกตัวอย่างเช่น server เครื่องหนึ่งถูกใช้สำหรับกำหนดสิทธิของผู้ใช้ ,อีกเครื่องเอาไว้จัดการกับ e-mailของทุกคน, อีกเครื่องเอาไว้เก็บ ข้อมูลของ softwareซึ่งระบปฏิบัติการเครือข่าย(Network Operating System : NOS) ที่ใช้สำหรับ server บนเครือข่ายแบบ client/server คือ Windows NT, Windows 2000, Novell NetWare และ UNIX/Linux
- Peer-to-Peer Networks (P2P)
เครือข่ายแบบ Peer-to-Peer อณุญาติให้คอมพิวเตอร์ทั้งหมดบนเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันได้ ตามรูปข้างล่างคุณจะเห็นโครงสร้างระบบเครือข่ายชนิด Peer-to-Peer
รูป 1-2 Peer-to-Peer Network
ถ้าคุณมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows(95/98/Me/XP/Vista) คุณสามารถที่จะสร้างเครือข่ายแบบ P2P ได้เพราะระบบ Windows มี built-in function สำหรับรอบรับระบบ P2P อยู่แล้ว
Hardware ที่จำเป็น
การที่จะสร้างระบบเครือข่ายได้นั้น อุปกรณ์อันดับต้นๆที่คุณจำเป็นต้องใช้คือ Network Interface Card(NIC) ซึ่ง NIC ต้องถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องบนเครือข่าย โดยปกติ NIC จะถูกเชื่อมต่อด้วยสาย Cable มาตลอด แต่ปัจจุบันระบบไร้สายก็ถูกนำมาใช้สำหรับเครือข่ายขนาดเล็ก และอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ NIC ก็ได้ และทุกวันนี้ คุณก็สามารถที่จะเชื่อมกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ได้ด้วย Universal Serial Bus(USB) อีกด้วย
กฏเฉพาะสำหรับการสร้างระบบเครือข่ายนั้นคือคุณต้องติดตั้ง NIC ในแต่ละคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นคุณยังมีตัวเลือกมากพอที่จะทำให้คุณปวดหัว ผมจะค่อยๆอธิบายเกี่ยวกับ NIC ก่อนที่จะพาคุณไปสู่การติดตั้งจริงๆ
NIC มาในหลากหลายรูปแบบมาก และเมื่อคุณซื้อ NIC คุณต้องเลือกให้เหมาะสมกับสองข้อต่อไปนี้
- ชนิดของอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่เครื่องคอมพิวเตอร์คุณยอมรับ
- ชนิดของ Cable ที่คุณต้องใช้ (ซึ่งผมจะเขียนต่อไป)
NIC ของคุณต้องใส่ให้ถูกกับระบบบัส
บัส หมายถึงเส้นทางการเดินของข้อมูล ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็คล้ายกับถนน ที่มีไว้ให้ข้อมูลวิ่ง ซึ่งบัสในคอมพิวเตอร์เป็นช่องเสียบอยู่บน mainboard ของคุณ ซึ่งคุณจะต้องเอาไว้เสียบการ์ด ซึ่งการ์ดที่คุณซื้อต้อง
แน่ใจว่าเหมาะสมกับชนิดของบัสที่อยู่บนเมนบอร์ด ซึ่งมีดังต่อไปนี้
- ISA(Industry Standard Architecture) : ISA เป็นมาตรฐานที่ถูกใช้สำหรับการ์ด 16 บิท ซึ่งนั่นหมายความว่ามันจะส่งข้อมูลทีละ 16 บิทระหว่างเมนบอร์ดและการ์ด ซึ่งปัจจุบันระบบนี้เป็นระบบเก่า ซึ่งผมคาดว่าน่าจะเลิกผลิตไปแล้ว
- PCI(Peripheral Component Interconnect) : ระบบ PCI เป็นการเพิ่มความเร็วจาก ISA ซึ่ง
คอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยบัสแบบ PCI ซึ่งมาในสองรูปแบบคือ 32 บิทและ 64 บิท
คุณสามารถอ่านคู่มือที่มากับคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อหาว่าชนิดของการ์ดที่คุณต้องซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบ PCI
คุณสามารถบอกได้ว่าเมนบอร์ดคุณใช้บัสชนิดไหน โดยทั่วไปช่องเสียบแบบ ISA บนเมนบอร์ดจะเป็นสีดำและมีบาร์คั่นที่ประมาณกลาง ๆ ของความยาว ส่วนช่องเสียบแบบ PCI โดยปกติจะเป็นสีขาว และมีขนาดสั้นกว่าแบบ ISA และมีบาร์คั่นที่ประมาณ 2 ใน 3 ของความยาว ลองดูตามรูปข้างล่างนะครับ

รูป 1-3 ISA slot and PCI slot
